ตั้งแต่ที่ได้กุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาบัญชาการทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็มีผลงานเกมรุกยอดเยี่ยมโดยยิงรวมกันไปไม่น้อยกว่าฤดูกาลละ 100 ประตูจนคู่ต่อสู้ต่างพากันหวาดผวา ซึ่งตรงจุดนี้อาจทำให้หลาย ๆ คนลืมไปว่าแท้จริงแล้ว ก่อนจะมีเกมรุกที่ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมขนาดนี้ สิ่งแรกที่เป๊ปเข้ามารื้อระบบและเสริมจุดบกพร่องก่อนเลยคือ แผงเกมรับ

จากสถิติการซื้อขายของทางซิตี้ ได้ใช้เงินซื้อแผงปราการหลังไปทั้งสิ้นกว่า 229 ล้านยูโรหรือคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 8 พันล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละคนจะทำผลงานได้คุ้มกับค่าตัวหรือไม่เราจะพาไปเจาะลึกสถิติต่าง ๆ กัน

จอห์น สโตนส์

ถือเป็นคนแรกในบรรดากองหลังที่เป็ปได้สั่งนำเข้ามาจากเอฟเวอร์ตันด้วยมูลค่า 55 ล้านยูโร ซึ่งจุดเด่นของนักเตะรายนี้อยู่ที่การออกบอลจากแดนหลังได้ดี โดยมีสถิติบันทึกไว้ว่าตลอด 3 ปีที่ย้ายมาอยู่กับเรือใบสีฟ้า สโตนส์มีอัตราการผ่านบอลสำเร็จไม่เคยต่ำกว่า 91% แถมค่าเฉลี่ยที่เรากำลังพูดอยู่นี้ยังรวมการจ่ายบอลยาวที่มากถึง 4.3 ครั้งต่อเกมอีกด้วย ขณะที่การเคลียร์บอลอันตรายและดวลลูกกลางอากาศก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยทำได้ที่เกมละ 2.5 ครั้งโดยเฉลี่ย

เบนฌาแม็ง เมนดี้

แบ็คซ้ายสัญชาติฝรั่งเศสย้ายมาจากโมนาโก้ด้วยค่าตัว 58 ล้านยูโร โดยมีทีเด็ดในเรื่องของความแข็งแกร่งและการครอสบอลเข้าไปลุ้นทำประตู แต่ปัญหาคือเจ้าตัวดันมีอาการบาดเจ็บคอยรบกวนอยู่เรื่อย ๆ จนทำให้รวม 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาได้ลงเล่นไปไม่ถึง 20 นัด

ซึ่งแฟนบอลก็ต้องคอยลุ้นกันว่าเขาจะกลับมาโชว์ฟอร์มได้เต็มฤดูกาลอีกครั้งเมื่อไหร่ เพราะถ้าว่ากันตามจริงแล้วยามใดที่เมนดี้มีโอกาสลงสนามก็มักจะผลงานได้ดีอยู่เสมอ เห็นได้จากในฤดูกาล 2018/2019 ที่ลงสนามเพียงแค่ 10 เกมในลีกแต่จัดการแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมได้มากถึง 5 ประตูด้วยกัน

ไคล์ วอล์คเกอร์

ถ้าหากเมนดี้คือเสือซ่อนเล็บที่มีโอกาสได้เผยโฉมในสนามแข่งเพียงไม่กี่ครั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์ก็คงเป็นพญาสิงโตที่คอยป้องกันเขตแดนและหาช่องทางโจมตีคู่แข่งอยู่เสมอตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยต้องบอกเลยว่านับตั้งแต่ที่ย้ายมาจากสเปอร์ส ด้วยค่าตัว 51 ล้านยูโร เขาแทบไม่เคยเจ็บไม่เคยป่วยและลงเล่นเป็นตัวจริงเกือบครบทุกนัด

โดยแข้งรายนี้มีส่วนช่วยทีมอย่างมากทั้งในเรื่องของเกมรุกและเกมรับ ด้วยสปีดอันรวดเร็วที่สร้างความปวดหัวให้กับฝ่ายตรงข้ามรวมถึงสถิติการผ่านบอลสำเร็จที่สูงถึง 90% ครอสบอลยาว 3.5 ครั้ง เข้าสกัด แย่งบอล และเคลียร์บอลอันตรายเฉลี่ยเกมละ 1.4 ครั้ง ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในแบ็คขวาที่ดีที่สุดของลีกอังกฤษ ณ ปัจจุบัน

อายเมริค ลาปอร์เต้

เมื่อฤดูกาล 2018/2019 ที่ผ่านมา ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนจับจ้องไปยังสุดยอดกองหลังของลิเวอร์พูลอย่าง ฟาน ไดค์ ที่ทำผลงานได้โดดเด่น แต่หากไม่นับแข้งชาวฮอลแลนด์แล้วล่ะก็ อายเมริค ลาปอร์เต้ นี่แหละที่ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด

เพราะดูจากตัวเลขจะเห็นว่า ลาปอร์เต้ สามารถเคลียร์บอลอันตรายกับชนะการดวลลูกกลางอากาศได้เฉลี่ยที่ 2.7 และ 2.2 ครั้งตามลำดับ ผ่านบอลเฉลี่ยเกมละ 85 ครั้งโดยรวมการจ่ายบอลยาวให้เพื่อนรวมทีมเฉลี่ยเกมละ 5 ครั้ง แต่ที่เหนือสิ่งอื่นใดคือ มีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลสำเร็จที่สูงถึง 92.3% เลยทีเดียว

และนี่จึงเป็นเบื้องหลังสาเหตุที่ทำให้เกมรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้มีประสิทธิภาพมากมายถึงเพียงนี้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีปราการหลังอันแข็งแกร่งคอยค้ำจุนไม่ให้ผู้ใดมาสร้างความอันตรายได้ เมื่อนั้นเหล่าหัวหอกและแผงกองกลางทั้งหลายก็พร้อมที่จะบุกทะลวงประตูคู่แข่งแบบไม่ต้องมาคอยพะวง