3 สุภาพบุรุษวงการลูกหนัง ที่แฟนบอลทั่วโลกล้วนให้การยอบรับ

คำว่านักกีฬาที่ดีนั้น เราอาจแปลได้หลายความหมายทั้งผู้มีความเก่งกาจด้านทักษะความสามารถ หรือโดดเด่นเรื่องร่างกายที่แข็งแรงกำยำ แต่แท้จริงแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นคือ ความมีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งในโลกของนักฟุตบอลอาชีพก็มีบางคนที่น่ายกย่องถึงขั้นว่าแม้แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังต้องให้ความเคารพนับถือ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ศูนย์หน้าเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลกรายนี้ ไม่ได้มีดีเพียงแค่ฝีเท้าที่คมกริบไว้คอยผลิตสกอร์ให้กับทีมเท่านั้น แต่จิตใจที่เที่ยงตรงต่อความยุติธรรมของเขาไม่ว่าใครต่างก็ต้องยกนิ้วให้ เหตุการณ์ที่แฟนบอลลีกกัลโช่ เซเรีย อาน่าจะจดจำกันได้ดีก็คือเมื่อครั้งสมัยที่ โคลเซ่ ยังค้าแข้งอยู่กับลาซิโอและต้องทำศึกดวลกับยอดทีมอย่างนาโปลี โดยในตอนนั้นเขาทำประตูให้กับทีมได้จากลูกเตะมุมที่เพื่อนร่วมทีมเปิดมา ซึ่งเหตุการณ์ก็ดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไรถ้าไม่ใช่ว่าบอลไปโดนมือของเขาก่อนเข้าประตู ภายหลังที่ทางผู้ตัดสินให้ฝั่งลาซิโอได้ประตูไปนั้น โคลเซ่รีบวิ่งเข้าไปชี้แจงอย่างรวดเร็วว่านี่เป็นการตัดสินที่ผิดพลาด และเมื่อผู้ตัดสินพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงให้ประตูดังกล่าวเป็นโมฆะ ทำให้ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามต่างเดินเข้ามาขอจับมือและแฟนบอลทั่วทั้งสนามล้วนปรบมือเพื่อให้เกียรติแด่การกระทำของชายผู้นี้ ไรอัน กิ๊กส์ พฤติกรรมนอกสนามของเขาอาจมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของครอบครัว แต่หากนับแค่การค้าแข้งในวงการฟุตบอลแล้วล่ะก็ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ไรอัน กิ๊กส์ คือคนที่มีความเป็นมืออาชีพสูงที่สุดคนหนึ่ง แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย แชมเอฟเอคัพ 4 สมัย อาจเป็นเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมที่ทำให้แฟนบอลต่างพากันยกย่องในความสามารถของเขา แต่สิ่งที่น่าชื่นชมยิ่งกว่านั้นคือ ตลอดการค้าแข้ง 24 ปีกับทางยูไนเต็ด กิ๊กส์ไม่เคยได้รับใบแดงจากกรรมการเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ลงเล่นในตำแหน่งตัวริมเส้นที่ต้องเผชิญหน้ากับการเข้าสกัดอันรุนแรงของกองหลังฝ่ายตรงข้ามอยู่บ่อยครั้ง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับแผงปราการเหล็กกล้ามูลค่า 8 พันล้าน

ตั้งแต่ที่ได้กุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาบัญชาการทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็มีผลงานเกมรุกยอดเยี่ยมโดยยิงรวมกันไปไม่น้อยกว่าฤดูกาลละ 100 ประตูจนคู่ต่อสู้ต่างพากันหวาดผวา ซึ่งตรงจุดนี้อาจทำให้หลาย ๆ คนลืมไปว่าแท้จริงแล้ว ก่อนจะมีเกมรุกที่ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมขนาดนี้ สิ่งแรกที่เป๊ปเข้ามารื้อระบบและเสริมจุดบกพร่องก่อนเลยคือ แผงเกมรับ จากสถิติการซื้อขายของทางซิตี้ ได้ใช้เงินซื้อแผงปราการหลังไปทั้งสิ้นกว่า 229 ล้านยูโรหรือคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 8 พันล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละคนจะทำผลงานได้คุ้มกับค่าตัวหรือไม่เราจะพาไปเจาะลึกสถิติต่าง ๆ กัน จอห์น สโตนส์ ถือเป็นคนแรกในบรรดากองหลังที่เป็ปได้สั่งนำเข้ามาจากเอฟเวอร์ตันด้วยมูลค่า 55 ล้านยูโร ซึ่งจุดเด่นของนักเตะรายนี้อยู่ที่การออกบอลจากแดนหลังได้ดี โดยมีสถิติบันทึกไว้ว่าตลอด 3 ปีที่ย้ายมาอยู่กับเรือใบสีฟ้า สโตนส์มีอัตราการผ่านบอลสำเร็จไม่เคยต่ำกว่า 91% แถมค่าเฉลี่ยที่เรากำลังพูดอยู่นี้ยังรวมการจ่ายบอลยาวที่มากถึง 4.3 ครั้งต่อเกมอีกด้วย ขณะที่การเคลียร์บอลอันตรายและดวลลูกกลางอากาศก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยทำได้ที่เกมละ 2.5 ครั้งโดยเฉลี่ย เบนฌาแม็ง เมนดี้ แบ็คซ้ายสัญชาติฝรั่งเศสย้ายมาจากโมนาโก้ด้วยค่าตัว 58 ล้านยูโร

Money Ball ภาพยนตร์ที่ปฏิวัติวงการกีฬาให้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2555 มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่น้อยคนนักจะรู้จักได้เข้ามาฉายในบ้านเรา นั่นก็คือ Money Ball เกมล้มยักษ์ ซึ่งดูผิวเผินแล้วก็ไม่ต่างจากภาพยนตร์แนวกีฬาทั่ว ๆ ไป และบทคงไม่แคล้วต้องพบเจอกับความตกต่ำ บากบั่นด้วยความพยายาม หาญกล้ามุ่งมั่นไขว่คว้าหาชัยชนะ แต่เปล่าเลย เพราะนี่คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจาก Moneyball : The Art of Winning an Unfair Game ซึ่งเป็นหนังสือที่กล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของ Billy Beane ในช่วงศึกเบสบอลเวิลด์ซีรีส์รอบเพลย์ออฟฤดูกาล 2001 โดยเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับทีม Oakland Athletics ที่ต้องสูญเสียผู้เล่นดาวดังให้แก่ทีมอื่นที่พร้อมจ่ายค่าเหนื่อยมากกว่า จนสภาพในทีมเริ่มย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ครั้นจะหาผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทดแทนก็ดันมีข้อจำกัดเรื่องงบการเสริมทัพอีก สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกก็เป็นหน้าที่ของผู้จัดการทั่วไปในขณะนั้นอย่าง Billy Beane ที่จะต้องหากลยุทธ์ใหม่ ๆ และพาทีมให้ประสบความสำเร็จให้ได้ โจทย์คือคุณจะหาทางออกจากเขาวงกตอันซับซ้อนนี้ได้อย่างไรในเมื่อสุดท้ายก็ต้องวนกลับมาเกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องเงินอีกอยู่ดี ? นี่ถือเป็นประเด็นน่าสนใจ เพราะในขณะที่ทีมงานคนอื่น